Affiliate Program ต่างประเทศ
ที่นิยมกันมาที่สุด
ยกตัวอย่าง Affiliate หลักๆ ที่นักการตลาดออนไลน์ชอบทำกันนั่นคือ
- Amazon.com สำหรับเจ้านี้จะไม่เรียกว่า Affiliate ครับ แต่จะเรียกว่า Associates ซึ่งความหมายใกล้เคียงกันนั่นคือ พันธมิตรทางการค้า สำหรับ เจ้านี้ให้ผลตอบแทนขั้นต่ำอยู่ที่ 4% ไปจนถึงสูงสุดที่ 8.5% ตามแต่ความสามารถในการขายแต่ละคน ยิ่งขายได้จำนวนชิ้นมาก ค่าคอมฯก็จะยิ่งมากตาม
- Adsense - ตัวนี้เป็นโปรแกรม Monetization ของ Search Engine เจ้าใหญ่อย่าง Google.com นั่นเอง หลักการของการทำ Adsense คือการ นำโค้ดโฆษณาไปติดไว้ที่เวปไซด์ที่มีเนื้อหา ทางโปรแกรม
Adsense จะนำโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเวปนั้นมาแสดงเองโดยอัตโนมัติ และเมื่อมีคนสนใจโฆษณา และคลิกเข้าไปดู เจ้าของเวปฯ ก็จะได้เงินส่วนแบ่งจาก Google นั่นเอง - CJ.com หรือชื่อเต็มๆว่า Commission Junction เป็นอีกหนึ่ง Affiliate ยอดนิยม ของคนไทยในสมัยก่อน ที่รวมสินค้าเกือบทุกประเภทให้ได้โปรโมทกัน เช่น Consumer Product, CPA, Services สำหรับปัจจุบัน คนเริ่มจะนิยมน้อยลงแล้ว เพราะเกิดวิกฤตไล่แบนคนไทยเป็นว่าเล่น ช่วงก่อนหน้านี้ สำหรับคนที่ยังไม่โดนแบน ยังทำตลาดได้อยู่ นี่เป็นอีกหนึ่งตลาดที่แรงมากๆ ในการทำ Affiliate
- ClickBank.com เป็นตลาด Affiliate สำหรับการขายสินค้าประเภท Download อย่างเช่น E-Book หรือ Program ที่นี่จะจ่ายค่าคอมค่อนข้างสูง เช่น 1 Sale อาจได้ค่าคอมถึง 50 เหรียญเลย เพียงแต่โอกาสขายค่อนข้างจะต่ำกว่า Amazon และมีโอกาสโดน Refund สูง เพราะด้วยตัวของสินค้าเอง และที่สำคัญ เนื่องจาก ตลาดนี้เป็นตลาดที่จ่ายค่าคอมฯสูงมาก ดังนั้นจึงทำให้การแข่งขันสูงตามไปด้วย มือใหม่ที่หวังจะเข้าไปฟัน อาจโดนฟันหัวแบะกลับมาก็ได้ครับ ให้ระวังตลาดนี้ให้ดี
• eBay.com ให้ค่าตอบแทนกับผู้แทนโฆษณา $12 ทุกครั้งที่ สามารถแนะนำให้คนมาสมัครสมาชิก
• GameFly.com ให้ค่าตอบแทน $12 ทุกครั้งที่ สามารถแนะนำให้คนมาสมัครสมาชิกได้
• AbeBooks.com ให้ค่าตอบแทนกับผู้แทนโฆษณา 5% ของยอดขายทั้งหมดที่ผู้แทนโฆษณา
ทำได้
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ทำไม Affiliate Marketingนี้ ถึงเป็นที่ชื่นชอบของเว็บไซต์ต่างๆ นั่นก็เพราะว่า
ทางเว็บไซต์ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเกินกว่าเหตุเลย ทุกครั้งที่เสียค่าโฆษณา ย่อมหมายถึงกำไรที่เข้า
บริษัทในเวลาเดียวกัน
ฟังแล้ว เพื่อนๆอาจจะยังงงๆนะครับ ไม่เป็นไรครับ มาลองดูตัวอย่างกันดีกว่า
สมมติว่า เว็บไซต์ A ขายสินค้าคือ Ipod ซึ่งมีราคาขาย 100 บาท ต่อเครื่อง มีต้นทุนอยู่ที่ 40 บาท
ต่อเครื่อง ถ้าหากทางเว็บไซต์ A กำหนดว่า ถ้าหากผู้แทนโฆษณาแนะนำคนให้เข้ามาซื้อ Ipod
ที่เว็บไซต์ A ได้ ทางเว็บไซต์จะจ่ายค่าตอบแทนให้ 40 บาท ต่อเครื่อง
ดังนั้น ถ้าหากว่า นายบี (ผู้แทนโฆษณา) ได้แนะนำคนเข้าไปซื้อ Ipod ที่เว็บไซต์ A ได้ 1 คน นายบีก็จะได้รับเงินค่าตอบแทน 40 บาท
ในขณะเดียวกัน ทางเว็บไซต์ A ก็จะต้องจ่ายเงินค่าตอบแทนให้นายบี 40 บาท รวมต้นทุน Ipod 40 บาท ต่อเครื่อง เป็นเงิน 80 บาท ที่ทางเว็บไซต์ A จะต้องจ่ายเพื่อให้เกิดการขาย Ipod 1 เครื่อง
และทางเว็บไซต์ A ได้รับเงินค่า Ipod 100 บาทต่อเครื่อง ทำให้ทุกๆครั้งที่มีคนซื้อ Ipod
ทางเว็บไซต์ A จะได้กำไรอยู่ 20 บาทเสมอๆ
(ขอเพิ่มเติมอีกนิด เพื่อให้เห็นข้อดีกันชัดเจนครับว่า ถ้าหากนายบี แนะนำคนเข้ามาที่เว็บไซต์ A 10 คน
แต่ไม่มีใครซื้อ Ipod เลย ทางเว็บไซต์ A ก็ไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาให้นายบีเลยสักบาทเดียวครับ)
ต่างกับการโฆษณาแบบอื่นๆ เช่น การไปเช่าพื้นที่โฆษณา (Banner) หรือ โฆษณาตามสื่อต่างๆ ที่ทาง
เว็บไซต์ A ต้องเสียเงินค่าโฆษณาไปก่อนเสมอ โดยไม่รู้เลยว่า จะมีคนสนใจกี่คน และจะมีคนมาซื้อ
Ipod ที่เว็บไซต์ A กี่คน ทำให้ในปัจจุบันเว็บไซต์ e-Commerce ในต่างประเทศเกือบทั้งหมด
หันมาใช้ระบบ Affiliate Marketing ในการโฆษณาเว็บไซต์กันแล้ว
ผมคิดว่าอีกไม่ช้าไม่นาน เมื่อถึงยุคที่ประเทศไทยเริ่มจะหันมาทำ e-Commerce กันอย่างจริงจัง
ระบบ Affiliate Marketing นี้ คงจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการโฆษณาเว็บไซต์ e-Commerce
ทั้งหลาย นอกเหนือจากการไปเช่าพื้นที่โฆษณาตามเว็บไซต์ดังๆต่างๆ ดังเช่นที่ทำกันอยู่มากในปัจจุบัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น